กลุ่มโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาเขตภาคใต้จัดแข่งขันกีฬาหลายประเภทเพื่อคัดตัวนักกีฬาเพื่อเป็นตัวแทนภาคใต้ไปแข่งขันระดับประเทศที่จังหวัดราชบุรี
เขตภาคใต้จะคัดเลือกตัวนักกีฬาทุกประเภทในวันที่ 28 สิงหาคม 2553 ณ.สนาม อบจ. นครศรีธรรมราช ซึ่งมีโรงเรียนที่เข้าร่วมคือ
โรงเรียนฆังคะทวีศิลป์ นครศรีธรรมราช
โรงเรียนพระธาตุมูลนิธิมัธยม นครศรีธรรมราช
โรงเรียนท้าวราษฎร์สงเคราะห์ นครศรีธรรมราช
โรงเรียนแจ้งวิทยา สงขลา
โรงเรียนโคกสมานคุณ สงขลา
โรงเรียนอัมพวัน ตรัง
โรงเรียนวัดนิกรรังสฤกษ์ ตรัง
โรงเรียนพุทธมงคลนิมิตร ภูเก็ต
วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ใบงานที่ 14
ความเห็นเกี่ยวกับการใช้ blogger
เป็นความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการเรียน สามารถนำไปพัฒนางานได้ ยังมีหลายสิ่งที่ไม่เคยรู้และอีกหลายสิ่งที่เรายังไม่รู้ ดีทั้งสองบล็อกแต่รูปแบบการใช้ และกลุ่มผู้ใช้แตกต่างกันบ้าง
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของ blogspot กับ gotoknow
1. กลุ่มผู้ใช้บล็อก gotoknow มากกว่า blogspot
2. รูปแบบบล็อก blogspot สวยกว่า gotoknow
3. blogspot เหมาะกับการจัดการกลุ่ม มากกว่า gotoknow
4. gotoknow เมาะกับการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชนมากกว่า blogspot
เป็นความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการเรียน สามารถนำไปพัฒนางานได้ ยังมีหลายสิ่งที่ไม่เคยรู้และอีกหลายสิ่งที่เรายังไม่รู้ ดีทั้งสองบล็อกแต่รูปแบบการใช้ และกลุ่มผู้ใช้แตกต่างกันบ้าง
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของ blogspot กับ gotoknow
1. กลุ่มผู้ใช้บล็อก gotoknow มากกว่า blogspot
2. รูปแบบบล็อก blogspot สวยกว่า gotoknow
3. blogspot เหมาะกับการจัดการกลุ่ม มากกว่า gotoknow
4. gotoknow เมาะกับการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชนมากกว่า blogspot
วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ข่าวสารโรงเรียนท้าวราษฎร์สงเคราะห์
ข่าวสารโรงเรียนท้าวราษฎร์สงเคราะห์ ทางโรงเรียนขอแสดงความยินดีกับนักเรียนที่สามารถคว้ารางวัลจากการแข่งขันทักษะทางวิชาการ กลุ่มโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาระดับประเทศ ณ.โรงเรียนวินิตศึกษา จ. ลพบุรี ระหว่างวันที่ 22-23 มกราคม 2553 นักเรียนที่ได้รับเหรียญทอง เด็กชายพิชกร ทองธรรมชาติ ชั้นประถมปีที่ 3 กลุ่มสาระภาษาไทย เด็กหญิงนริศรา เฉตาไพย ชั้นประถมปีที่ 2 กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ เด็กชายฐิติรัตน์ ทวี ชั้นประถมปีที่ 5 กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ เด็กชายธนวัฒน์ มูสิกะ ชั้นมัธยมปีที่ 1 กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ นักเรียนที่ได้รับเหรียญเงิน เด็กหญิงจิราภัทร สุขเมตตา ชั้นประถมปีที่ 2 กลุ่มสาระภาษาไทย เด็กชายอานนท์ อบมาลี ชั้นมัธยมปีที่ 1 กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ เด็กหญิงปิ่นรัตน์ โอดอัฐ ชั้นประถมศึกษาปี 5 กลุ่มสาระสังคมศึกษาและวัฒนธรรม เด็กชายฤทธิเบศณ์ กำแพงแก้ว ชั้นประถมปีที่ 6 กลุ่มสาระสังคมศึกษาและวัฒนธรรม เด็กหญิงรุ่งทิพย์ เพ็ชรรัตน์ ชั้นประถมปืที่ 3 กลุ่มสาระศิลปะ เด็กหญิงณัฐฐากมล ศุกรกาญจน์ ชั้นประถมปีที่ 6 กลุ่มสาระศิลปะ นักเรียนที่ได้รับเหรียญทองแดง เด็กหญิงชนกนันท์ ทุมรัตน์ ชั้นประถมปีที่ 6 กลุ่มสาระภาษาไทย สรุปเหรียญ เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง 1
วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553
การบริหารของฉัน
ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีครอบครัวที่อบอุ่น มีสามีที่เข้าใจและมีลูกๆที่น่ารัก ไม่เกเร แม้พวกเขาจะเรียนไม่เก่งเท่าไหรแต่พวกเขาก็เรียนกันอย่างมีความสุขซึ่งฉันก็พอใจในความเป็นพวกเขา ฉันจะบอกรักพวกเขาทุกวัน ถึงแม้ว่าฐานะทางครอบครัวของฉันยังไม่ดีเท่าที่ควรแต่ฉันก็รู้สึกอบอุ่นมากเพราะฉันมีแม่ที่คอยดูแลช่วยเหลือและห่วงใยฉันอยู่ตลอดเวลา ปรึกษาได้ทุกเรื่อง แม่ให้โอกาศฉันเสมอ ฉันอยากบอกทุกคนในครอบครัวของฉันว่าฉันรักพวกเขามาก ถึงแม้ว่าฉันทุ่มเวลาให้กับงานและการเรียนมากกว่าอยู่กับครอบครัวพวกเขาก็เข้าใจฉันเสมอ
ฉันก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารโรงเรียนเอกชนที่มีนักเรียนค่อนข้างเยอะ มีบุคคลากรก็หลายคน ฉันมาจากสายครูผู้สอนขึ้นมาเป็นผู้บริหารเมื่ออายุยังน้อย ช่วงแรกๆของการบริหารค่อนข้างยากสักหน่อย เพราะครูส่วนใหญที่มีอยู่อายุการทำงานเยอะทำให้เขาเหล่านั้นไม่เชื่อในความสามารถของฉัน ฉันอดทนบริหารเพื่อให้องค์กรอยู่รอด หลักการบริหารของฉัน ฉันบริหารตามแบบของฉันง่ายๆ สบายๆ กล้าได้กล้าเสีย กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ กล้ารับผิด และกล้ารับชอบ มีเวลาการทำงานในแต่ละวันเกิน 24 ชั่วโมง กับผู้ร่วมงานฉันจะคอยถามทุกข์ สุข ของพวกเขาเสมอ เพราะฉันยึดหลักว่า บริหารตนเองด้วยสมอง บริหารลูกน้องด้วยน้ำใจ และฉันคิดว่าหลักนี้มีประโยชน์กับฉันจริงๆ เพราะเดี่ยวนี้ฉันสามารถทำงานกับพวกเขาได้ดีขึ้นระดับหนึ่งซึ่งฉันก็พอใจแล้ว และฉันเชื่อว่าต่อไปคงจะดีขึ้นเรื่อยๆ ฉันเชื่อว่าความรัก ความจริงใจ ความเอื้ออาทร และรู้จักการให้อภัยใช้ได้ดีทีเดียวกับการบริหาร
ฉันก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารโรงเรียนเอกชนที่มีนักเรียนค่อนข้างเยอะ มีบุคคลากรก็หลายคน ฉันมาจากสายครูผู้สอนขึ้นมาเป็นผู้บริหารเมื่ออายุยังน้อย ช่วงแรกๆของการบริหารค่อนข้างยากสักหน่อย เพราะครูส่วนใหญที่มีอยู่อายุการทำงานเยอะทำให้เขาเหล่านั้นไม่เชื่อในความสามารถของฉัน ฉันอดทนบริหารเพื่อให้องค์กรอยู่รอด หลักการบริหารของฉัน ฉันบริหารตามแบบของฉันง่ายๆ สบายๆ กล้าได้กล้าเสีย กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ กล้ารับผิด และกล้ารับชอบ มีเวลาการทำงานในแต่ละวันเกิน 24 ชั่วโมง กับผู้ร่วมงานฉันจะคอยถามทุกข์ สุข ของพวกเขาเสมอ เพราะฉันยึดหลักว่า บริหารตนเองด้วยสมอง บริหารลูกน้องด้วยน้ำใจ และฉันคิดว่าหลักนี้มีประโยชน์กับฉันจริงๆ เพราะเดี่ยวนี้ฉันสามารถทำงานกับพวกเขาได้ดีขึ้นระดับหนึ่งซึ่งฉันก็พอใจแล้ว และฉันเชื่อว่าต่อไปคงจะดีขึ้นเรื่อยๆ ฉันเชื่อว่าความรัก ความจริงใจ ความเอื้ออาทร และรู้จักการให้อภัยใช้ได้ดีทีเดียวกับการบริหาร
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ใบงานที่ 11
สวัสดีปีใหม่คะ อ.อภิชาติ ปีใหม่นี้ขอให้อาจารย์ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัวและการงานนะคะ
สำหรับการเรียนการสอนของอาจารย์ที่ผ่านมาขอขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่ได้ให้ความรู้กับนักศึกษาเป็นอย่างดีมีคำแนะนำที่ดี และให้ความรู้กับนักศึกษาอย่างเต็มศักยภาพ ดีใจคะที่ได้เรียนกับอาจารย์
สำหรับการเรียนการสอนของอาจารย์ที่ผ่านมาขอขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่ได้ให้ความรู้กับนักศึกษาเป็นอย่างดีมีคำแนะนำที่ดี และให้ความรู้กับนักศึกษาอย่างเต็มศักยภาพ ดีใจคะที่ได้เรียนกับอาจารย์
ใบงาน 9
ใบงานที่ 9
ผู้บริหารมืออาชีพ ยังเป็นคำที่ค่อนข้างใหม่สำหรับวงการศึกษาเพิ่มจะเริ่มเป็นที่กล่าวถึงมากขึ้นก็เมื่อมีการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งในหมวด 7 ได้กำหนดไว้ว่า ทั้งผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมายกำหนดแม้จะยังไม่มีใครให้คำจำกัดความไว้ที่ชัดเจนว่าผู้บริหารมืออาชีพทางการศึกษามีลักษณะอย่างไร แต่ในที่นี้หมายถึงผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับการบริหารและจัดการศึกษาทั้งในระดับสถานศึกษาและในระดับเขตพื้นที่การศึกษาโดยภาพรวม คำว่า “มืออาชีพ” หรือ “Professional” มีคุณลักษณะที่สำคัญ ดังนี้ 1. ต้องเป็นคนที่ยังชีพด้วยงานนั้น คือ ต้องมีรายได้หลักจากการงานในวิชาชีพที่ทำ และทุ่มเทเวลาให้กับงานในอาชีพนั้นจริง ๆ2. ต้องมีการศึกษาและอบรม เพื่อให้มีความรู้ มีศาสตร์ มีหลักการ มีทฤษฎี มีการวิจัยค้นจนรู้ชัดและรู้จริง และมีการพัฒนาทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง3. ต้องนำศาสตร์ไปใช้ในการบริหาร มีการฝึกฝนอย่างจริงจังในอาชีพนั้น ๆ จริง ๆ จนเกิดความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ที่มากพอ4. ต้องมีการรับรองมาตรฐานแห่งวิชาชีพ โดยมีการออกใบรับรองหรือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์ พยาบาล ทนายความ นักบัญชี สถาปนิก วิศวกร เป็นต้น ซึ่งในการตัดสินใจ การวิเคราะห์ และการดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพดังกล่าว จะต้องใช้ผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเท่านั้น5. ต้องมีจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ สำหรับยึดถือและปฏิบัติโดยเคร่งครัด6. มีองค์กรหรือสมาคมวิชาชีพให้การรับรอง โดยการออกใบประกอบวิชาชีพ เพื่อควบคุมกำกับดูแลคุณภาพ มาตรฐาน และจรรยาบรรณ รวมทั้งมีมาตรการลงโทษเมื่อมีการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพจะเห็นว่า วิชาชีพที่มีการรับรองทั้งหลายล้วนแล้วแต่ใช้ทฤษฎีหลักการ และองค์ความรู้ และองค์ความรู้ที่ร่ำเรียนมาทั้งสิ้น แต่นักบริหารการศึกษาของเราน้อยรายนักที่จะใช้ศาสตร์ในการบริหารงานส่วนมากมักบริหารโดยไม่ใช้ทฤษฎี ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการศึกษาอบรมไม่เข้มข้น ไม่มีการเชื่อมโยงทฤษฎีกับชีวิตการทำงาน และขาดการฝึกฝนอย่างเพียงพอ ทำให้การบริหารกันแบบ “มั่ว แมเนจเมนท์” เป็นส่วนใหญ่ ทั้ง ๆ ที่การศึกษาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
เขียนโดย จิรฐา
ผู้บริหารมืออาชีพ ยังเป็นคำที่ค่อนข้างใหม่สำหรับวงการศึกษาเพิ่มจะเริ่มเป็นที่กล่าวถึงมากขึ้นก็เมื่อมีการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งในหมวด 7 ได้กำหนดไว้ว่า ทั้งผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมายกำหนดแม้จะยังไม่มีใครให้คำจำกัดความไว้ที่ชัดเจนว่าผู้บริหารมืออาชีพทางการศึกษามีลักษณะอย่างไร แต่ในที่นี้หมายถึงผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับการบริหารและจัดการศึกษาทั้งในระดับสถานศึกษาและในระดับเขตพื้นที่การศึกษาโดยภาพรวม คำว่า “มืออาชีพ” หรือ “Professional” มีคุณลักษณะที่สำคัญ ดังนี้ 1. ต้องเป็นคนที่ยังชีพด้วยงานนั้น คือ ต้องมีรายได้หลักจากการงานในวิชาชีพที่ทำ และทุ่มเทเวลาให้กับงานในอาชีพนั้นจริง ๆ2. ต้องมีการศึกษาและอบรม เพื่อให้มีความรู้ มีศาสตร์ มีหลักการ มีทฤษฎี มีการวิจัยค้นจนรู้ชัดและรู้จริง และมีการพัฒนาทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง3. ต้องนำศาสตร์ไปใช้ในการบริหาร มีการฝึกฝนอย่างจริงจังในอาชีพนั้น ๆ จริง ๆ จนเกิดความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ที่มากพอ4. ต้องมีการรับรองมาตรฐานแห่งวิชาชีพ โดยมีการออกใบรับรองหรือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์ พยาบาล ทนายความ นักบัญชี สถาปนิก วิศวกร เป็นต้น ซึ่งในการตัดสินใจ การวิเคราะห์ และการดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพดังกล่าว จะต้องใช้ผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเท่านั้น5. ต้องมีจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ สำหรับยึดถือและปฏิบัติโดยเคร่งครัด6. มีองค์กรหรือสมาคมวิชาชีพให้การรับรอง โดยการออกใบประกอบวิชาชีพ เพื่อควบคุมกำกับดูแลคุณภาพ มาตรฐาน และจรรยาบรรณ รวมทั้งมีมาตรการลงโทษเมื่อมีการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพจะเห็นว่า วิชาชีพที่มีการรับรองทั้งหลายล้วนแล้วแต่ใช้ทฤษฎีหลักการ และองค์ความรู้ และองค์ความรู้ที่ร่ำเรียนมาทั้งสิ้น แต่นักบริหารการศึกษาของเราน้อยรายนักที่จะใช้ศาสตร์ในการบริหารงานส่วนมากมักบริหารโดยไม่ใช้ทฤษฎี ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการศึกษาอบรมไม่เข้มข้น ไม่มีการเชื่อมโยงทฤษฎีกับชีวิตการทำงาน และขาดการฝึกฝนอย่างเพียงพอ ทำให้การบริหารกันแบบ “มั่ว แมเนจเมนท์” เป็นส่วนใหญ่ ทั้ง ๆ ที่การศึกษาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
เขียนโดย จิรฐา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)